"กนกพันธุ์"ชี้พร้อมเป็นสังเวียนซีเกมส์
   
“บิ๊กหนุ่ม” นายกนกพันธุ์ จุลเกษม ผู้ว่าการ กกท. ได้เปิดเผยความคืบหน้าเรื่องการก่อสร้างอาคารอเนกประสงค์ “มิตรภาพลาว-ไทย” และ การปรับปรุงโรงยิมเน   เซียม (หลังเก่า) บริเวณบึงขยอง ที่จะใช้ในการจัดกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 25 ที่ประเทศลาวว่า หลังจากที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีของไทย ได้เดินทางไปวางศิลาฤกษ์การก่อสร้างอาคารอเนกประสงค์   “มิตรภาพ ลาว-ไทย” มูลค่า 67,000,000 บาท เมื่อวันที่ 23 ม.ค. ตอนนี้การก่อสร้างอาคารหลังดังกล่าว ได้เสร็จเรียบร้อยแล้ว ส่วนการปรับปรุงโรงยิมเนเซียม หลังเก่า ที่ใช้งบประมาณ 9,000,000 บาท เพื่อใช้แข่งขันกีฬาชัตเติลค็อก (กีฬาเตะลูกขนไก่) ก็เสร็จเรียบร้อยแล้วเช่นกัน ดังนั้นรัฐบาลไทยจะมีการส่องมอบอาคารทั้ง 2 หลัง ให้กับรัฐบาลลาว โดยในวันที่ 30 พ.ย. นายชุมพล ศิลปอาชา รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา จะเดินทางไปส่งมอบอาคารทั้ง 2 หลัง และ นายสมสะหวาด เล่งสะหวัด รองนายกรัฐมนตรีของลาว จะเป็นผู้รับมอบในเวลา 16.00 น.
   
ผู้ว่าการ กกท. ยังกล่าวต่อไปอีกว่า เมื่อมีการส่งมอบอาคาร 2 หลังนี้อย่างเป็นทางการ คงจะทำให้ความสัมพันธ์ต่าง ๆระหว่างไทยกับลาวดีขึ้น และเท่าที่ตรวจสอบจาก นายนิวัฒน์ เฑียรเจริญ ผอ.กองโยธา ของ กกท. ที่ได้ส่งไปดูแลการก่อสร้างอาคารทั้ง 2 หลัง ก็ทำให้ทราบว่า ผู้รับเหมาได้มีการส่งมอบงานงวดสุดท้ายแล้ว โดยอาคารอเนกประสงค์ “มิตรภาพ ลาว-ไทย” จัดเป็นโรงยิมเนเซียมที่สวยงามทันสมัย มีการติดตั้งระบบไฟฟ้า-ประปาที่ได้มาตรฐานสากล และตอนนี้ได้มีการติดตั้งเวทีมวยเรียบร้อยแล้ว
   
ส่วนโรงยิมเนเซียมที่ได้ทำการปรับปรุง ช่วงนี้นักกีฬาชัตเติลค็อกของลาว ก็ได้เข้าไปฝึกซ้อมแล้ว และทุกคนต่างก็พอใจมากทีเดียว ขณะที่บริเวณโดยรอบ ทางรัฐบาลลาวก็ได้ปรับปรุงภูมิทัศน์ให้สวยงาม มีการก่อสร้างทางวิ่ง ที่นั่งพักผ่อน และมีการก่อสร้างร้านค้าไว้บริหารประชาชน นอกจากนี้อาคารทั้ง 2 หลัง ก็ได้มีการทดสอบระบบต่าง ๆ เรียบร้อย ซึ่งหาก ลาว จะใช้อาคารทั้ง 2 หลัง จัดการแข่งขันกีฬาตอนนี้ ก็สามารถทำได้ทันที ไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน และโดยส่วนตัวแล้ว เชื่อว่าอาคารทั้ง 2 หลังที่รัฐบาลไทยได้ให้งบประมาณในการก่อสร้างและปรับปรุงนั้น จะมีส่วนสำคัญในการทำให้ลาวเป็นเจ้าภาพจัดกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 25 ได้ประสบความสำเร็จมากทีเดียว
   
สำหรับเรื่องการเตรียมทัพนักกีฬาไทยนั้น “บิ๊กหนุ่ม” กล่าวว่า ค่อนข้างพอใจที่นักกีฬาส่วนใหญ่ตั้งใจฝึกซ้อม เพื่อจะทำผลงานในการแข่งขันครั้งนี้ให้ดี แต่ก็อยากจะฝากให้บรรดาโค้ช ช่วยดูแลนักกีฬาอย่างใกล้ชิดในช่วงสุดท้าย เพื่อทำให้นักกีฬาทุกคนพร้อมและสมบูรณ์สุดขีด เรียกว่าไป “พีค” ในช่วงที่จะลงแข่งขันแต่ละรายการพอดี ซึ่งจากการติดตามการฝึกซ้อมและดูสถิติต่าง ๆ ก็ทำให้มั่นใจว่า นักกีฬาไทยจะทำผลงานได้ดีขึ้นมากกว่าเดิม.